Archive for December, 2009


ตลาดน้ำ 100 ปี คลองสวน



การเดินทางจากหนองจอกไปสู่ตลาดฯ ของผมเป็นไปด้วยความยากลำบากเพราะอุตริวิ่งเข้าทางลัด
ดังนั้นจะไม่ขอแนะนำเส้นทางกการเดินทาง บอกไว้เพียงคร่าวๆว่าบางช่วงของการเดินทางอาจจะ
มีน้ำท่วม และมีด่านตำรวจตรวจฐานะประชาชนบ้างตามสัทธา ผมจะไปเริ่มตรงที่จอดรถฝุ่นตลบเลย
ก็แล้วกัน

ป้ายประวัติฯ

ไปถึงก็เข้าตลาดเลย เห็นป้ายนี้ DTAC เขาทำไว้ให้ แต่ผม crop รูปเพื่อไม่เป็นการโฆษณาเกินไป
พออ่านประวัติกันคร่าวๆแล้วก็เดินเข้าตลาดกันเลยละกัน

ร้านขายของเล่นยุค 60 (ส่วนใหญ่ทำด้วยเหล็ก)

วันที่ผมเข้าไปเห็นเขาว่ากันว่าเป็นวันธรรมดาซึ่งชาวบ้านเขาไปวันเสาร์-อาทิตย์กันส่วนใหญ่
ก็ดีเหมือนกันผมไม่ชอบคนมากแออัดยัดเยียดอย่างนั้นมันร้อนจนพุงละลาย
ผมพาลูกกับหลานไปด้วย เจอร้านขายของเล่นที่ทำจากเหล็ก ในวัยเด็กผมมีโอกาสเล่นอยู่บ้าง
แต่ก็น้อยแล้ว มาเห็นอีกทีก็ตื่นตาตื่นใจดีเหมือนกัน ทีแรกก่อนที่จะเข้าไปดูร้านนี้
ไม่เห็นมีคนจะสนใจเลยนะ แต่พอผมเข้าไปเม้าท์กับเจ้าของร้านแล้วก็ให้ลูกเล่นของเล่น(ฟรี)
ซึ่งเป็นแผนเสริมของผม(ไม่ได้ซื้อ) แต่ก็ถ่ายรูปเก็บไว้ให้ลูกดู ส่วนที่คุณได้ดูกันคือของแถม
ร้านนี้มีของเล่นที่ผมเคยเห็นว่าที่อื่นขายแพงกว่าที่นี่หลายๆอย่างนะ ถ้าใครชอบสะสมก็ลองไปดู
อาจจะได้ของเล่นที่ดีและถูกใจ ทุกชิ้นเปนของทำขึ้นใหม่ครับ เจ้าของอัทยาสัยดีตามประสา
แม่ค้าที่ดี

ทางเดินในตลาด 1

การเดินในตลาดวันนั้นก็สะดวกเพราะว่าเป็นวันธรรมดาอย่างที่บอกไว้ก่อนนี้
เวลาไปไหนสิ่งที่ผมทำคือ “ช๊อปปิ้งด้วยสายตา” ผมชอบมองว่าเขาทำอะไรกัน
ขายอะไรกัน อยู่ยังไงกัน แต่ไม่ถึงขั้นเสือกว่าเขาคุยอะไรกัน จำพวกสุดท้ายนั้น
อย่าคาดหวังว่าผมจะมีมาเล่าให้รับรู้กัน

ทางเดินในตลาด 2

ผมเห็นร้านขายปลาสลิดที่เขาว่าขึ้นชื่อ มีร้านขายโชวห่วยแบบเก่าๆโบราณๆ
ที่เราบางคนอาจจะได้เห็นกันสมัยยังเป็นเด็กๆ (กลุ่มที่เรียกว่า “เรา”ในที่นี้-
ควรจะมีอายุตั้งแต่ 35 ขึ้นไป) มีร้านขายของเล่นล่อหูล่อตาเด็กอยู่พอควร
ใครที่คิดจะอุ้มลูกหลานที่มีนิสัยบ้าของเล่นให้ระมัดระวัง หรือไม่ก็ปล่อยผีบ้าง
สักวันเตรียมตังค์ไปซื้อให้เขาบ้างเป็นการบำบัดความไคร่ของเด็กตาดำๆ

ทางเดินในตลาด 3

ร้านขายข้าวโพดปิ้ง

เดินต่อไปเจอคุณอาคนนึ่งยืนปิ้งข้าวโพด จริงๆแล้วไม่ชอบกินข้าวโพดเพราะ
ฟันไม่ดี(ไม่ใช่ฟันไม่เป็น) เคี้ยวแล้วมันติดฟันรู้สึกสกปรกแล้วก็ไม่อยากยืน
แคะฟันต่อหน้าประชาชน ที่ถ่ายภาพเก็บไว้เพราะคิดว่า ทุกอาชีพก็มีความสวยงาม
ของเขาเหมือนกัน

ภาพคลองปลายตลาดที่ยังเป็นสวน

ตลาดนี้ไม่ยาวมากนัก ดูแล้วจะสั้นที่สุดเลยหรือเปล่าตั้งแต่ได้ไปมาหลายๆทีนะ
เดินไม่มากก็มาสุดทางเสียแล้ว ที่สุดทางนี้จะเจอสะพานปูนใช้เดินข้ามไปอีกฝั่ง
ที่เห็นว่าเป็นวัด(ถ้าจำไม่ผิด) ผมก็เอาลูกเอาหลานขึ้นไปถ่ายรูปกัน คนไม่ค่อย
มีกันหรอก ถ่ายสบายดี หนัไปทางตลาดก็จะเห็นหลังคาของบ้านเรือนข้างล่างที่
เป็นตลาดเรียงเป็นทางยาวสัก 200 เมตรได้มั้ง หันกลับไปอีกทางก็ได้ภาพนี้มาฝาก
เป็นภาพสวนที่สบายตา

ผมไม่ใช่คนที่มีรสนิยมในการกิน ดังนั้นก็ขอโทษด้วยที่ไม่รู้ว่าจะแนะนะ
ว่าไปถึงที่นั่นแล้วต้องกินอะไร แต่พี่สะไภ้ผมเขาซื้อยำมะม่วงติดกลับมา
ซึ่งผมลองชิมดูปรากฎว่ามันก็อร่อยดี ใส่ปลากรอบมาด้วย ชิมไปชิมมา
หมดไปครึ่งชาม ทุกคนมองค้อนเชียว…


ตลาดน้ำอัมพวา "ดีกว่าที่คิด"

ตลาดน้ำอัมพวา ออกเดินทางจากกรุงเทพด้วยเส้นทางถนนสายกาญจนาภิเษก กดที่นี่เพื่อดูเส้นทางการเดินทาง หากขับรถเองก็ไม่ควรใช้ความเร็วมากนัก เพราะเป็นต้นทางของเส้นทางสายหลักที่ใจสำหรับเดินทาง ลงสู่ภาคใต้ซึ่งมีรถมาก การเดินทางช่วงเช้าคนขับสบายเพราะไม่ถูกแดดใครพาแฟนไป ก็หาที่บังแดดไว้ที่กระจกซ้ายรถได้เลยจะได้ใช้ทั้งขาไปช่วงเช้าและขากลับช่วงบ่าย การเดินทางครั้งนี้ก็สะดวกใช้ได้มีป้ายบอกทางพอสมควร ไม่ต้องใช้แผนที่ก็คงจะไม่หลงทางกันหรอก (หลงก็ใช้ปากถามทางเอา) เมื่อเดินทางไปถึงจะมีที่จอดรถโดยรอบๆซึ่งทำไว้ดีกว่าตลาดน้ำทุกที่ๆเคยไปเลย แต่อย่าจินตนาการให้เลิศนักเลย ขากลับรถตากแดดร้อนจับจิตแน่ๆไม่ต้องห่วง อะ..ปิดกุญแจรถเรียบร้อยย้ายคณะเข้าไปกันเลย ทางเข้าเขามีหลายทางสุดแล้วแต่ว่าเราจะจอดตรงไหนเดินมั่วๆไปเถอะ แล้วจะถึงตลาดน้ำเอง พูดอย่างนี้ไม่ได้มั่ว เหตุเพราะว่าตลาดน้ำแห่งนี้ใหญ่ยาวมาก จะเดินไปตรงไหนก็ต้องเจอไม่หัวก็หางหรือกลางสุดแล้วแต่จะเจอก็มันส์ดีแบบนี้ ใครที่ชอบเที่ยวเชิงนี้ก็คงจะไม่เกี่ยงที่จะเดินสอดส่ายสายตาไปทั่วอยู่แล้วหล่ะมั้ง ร้านอาหาร 1 จุดที่ผมเข้าไปถึงน่าจะเป็นช่วงกลางๆ บริเวณนั้นก็มีร้านอาหาร เลือกเข้าร้านนี้เพราะว่ามันอยู่ใกล้ และมีไอติมรสชาติแปลกๆหลายรส คนมันบ้าไอติมทั้งทีไอแค็กๆมาเป็นอาทิตย์ ก็ยังไม่วายจะกิน ร้านนี้ชื่อ...เออ,ไม่รู้จริงๆ กินข้าวคลุกกะปิอย่างเดียวรองท้องไปงั้น... เรื่องความอร่อยของอาหารจานหลักคงแนะนำไม่ได้เพราะไม่ใช่นักชิมอาหาร แต่ไอติมอร่อยดี มีไอติมรสวาซาบิ ที่รสลงตัวดีเหมือนกัน กำลังคันคอเพราะคิดถึงพอดี บรรยากาศในร้านน่านั่งถ้าไม่นับรวมถึง อากาศ ที่ร้อนระอุ เพราะเมื่อเดินทางไปถึง เป็นเวลาบ่ายโมงพอดีๆ แสงแดดเผาดินกำลังได้ทีเลยแล้วร้านนี้ก็มีพัดลมตัวใหญ่ วางไว้เป็นจุดๆนะ แต่ไม่พอสู้กับแดด ใช้ไอติมสยบความร้อนภายในง่ายกว่า เมียผมคิดว่าลูกละ 7 บาท แต่พอรู้ว่าลูกละ 35 บาท กินอร่อยขึ้นเยอะ..??? หามุมนั่งกินไอติม เดินออกจากร้านมาพร้อมกับไอติมก็พอจะเย็นลงบ้างแล้วอากาศข้างคลองก็ดีกว่าในร้าน ทางเดินเท้าส่วนใหญ่ที่ติดคลองจะกว้างประมาณ 1.5-2 เมตร เดินกันระวังหน่อย แม้ว่าน้ำจะใสกริ้งเลยแต่ตกลงไปก็คงไม่สนุก ร้านอาหารที่นี่ก็มีหลากหลายมากกว่า ตลาดน้ำอื่นๆ เพราะมีทั้งแบบที่ได้พัฒนาแล้ว และแบบดั่งเดิม อาหารที่มีมาก เดินไปตรงไหนก็หากินได้ เห็นจะเป็นปลาหมึกย่างกับหอยเซลเผาน้ำจิ้มรสเด็ด เห็นแล้วยังไม่อยากกิน ก็เดินไปก่อนตรงไหนก็มี ไม่ต้องซื้อถือติดมือให้เมื่อย แล้วยังมีเสื้อผ้าขายสกรีนตัวหนังสือเป็นภาษาไทย เรียงกันเป็นคำพูดกวนตรีนเยอะ แนะนำว่าไปตั้งไกล ก็ช่วยกันอุนหนุนเค้าหน่อย แต่ผมไม่ได้ซืื้อหรอกนะผมกวนตรีนอยู่แล้ว นังเรือชมวิวสองข้างคลอง ลืมเล่าไปว่าครั้งนี้ไปเป็นหมู่ไม่ถึงกับคณะ คือไปผู้ใหญ่ 4 เด็กเล็ก 1 เด็กจิ๋วอีก 1 เราอายุไม่มากหรอกแต่ว่าขาดการดูแลสุขภาพเดินเหินก็เลยไม่คล่องเหมือนเด็กๆ เมียผมกับน้องปามมี่ อยากจะลงเรือชมวิว ซึ่งเข้าทางผมที่เป็นคนไม่ชอบเดิน shopping อยู่แล้ว เลยยกมือเห็นด้วย เราได้เช่าเหมาลำเรือหางยาวลำไม่เล็กไม่ใหญ่ มีที่นั่งประมาณ 6 ตอนๆนึ่งนั่ง 2 คนจะกำลังดี แต่เรานั่ง 6 คน นั่งชมวิวทิวทัศน์ข้างคลอง มีทั้งแบบอนุรักษ์และแบบ modern โดยส่วนตัวผมรู้สึกว่าคนระแวกนี้น่าจะมีความสุข กับการใช้ชีวิตแบบที่เป็นอยู่แบบง่ายๆ หาอาหารกินง่ายๆ และเป็นธรรมชาติ ถ้าไม่นับรวมข่าวโลกร้อนที่ทำให้ระดับน้ำทะเลทั่วโลกสูงขึ้นทุกปีๆ การนั่งเรือดูวิวน่าจะเป็นช่วง ที่ผมผ่อนคลายที่สุด(เว้นที่ต้องกอดไอ้ตัวยุ่งไว้ เพราะกลัวการลงเรือที่โครงเคร็งๆ) การชมวิวด้วยเรือใช้เวลาไม่น่าจะเกินครึ่งชั่วโมง สิ่งที่ผมไม่ได้เห็นตอนเดินส่วนของตลาดคือ บ้านพัก home stay ซึ่งมีหลายหลังที่น่าเข้าไปพักผ่อน มีทั้งแบบอยู่ในระแวกตลาด มีบริการนวด(มองขึ้นไปเห็นนวดกันมันส์เลย), แบบอยู่ทางต้นๆน้ำหน่อยจะอยู่โดดเดี่ยวๆหน่อย ก็น่าจะสงบดี เข้าไปพักคงจะได้ชีวิตแบบบ้านๆสงบๆถ้าตั้งใจจะไปสงบจิตสงบใจควรไปแบบหลัง เรายังได้เห็นชาวบ้านทางต้นๆน้ำใช้ชีวิตอย่างมีความสุขดี ที่คิดว่ามีความสุข เพราะเห็นรอยยิ้มของเขาเหล่านั้น อ่อที่ปลายตลาด, มีคนลงไปเล่นน้ำด้วย ผมก็ไม่รู้ว่าเล่นไปตามวิถีชีวิตปกติตรงนั้น หรือว่าเล่นเป็น theme เพื่อให้นักท่องเที่ยว ไ้ด้ in กับภาพที่เห็นหรือเปล่า เห็นมีคุนน้าคนนึงมาชีๆให้เล่นตรงนั้นตรงนี้ราวกับเป็น organizer จัดฉาก แต่ก็ได้บรรยากาศอยู่ดี น้ำใสน่าเล่นจริงๆ ลงไปว่ายคงจะสนุก แต่ถ้า กระโดดลงไปแล้วหายต๋อมแน่ๆ สักการะน้ำไม่เป็น เรือหางยาววนกลับมาจอดท่าเล็กๆท่าเดิมที่เราลง ตอนนี้เราต้องขึ้นหล่ะก่อนเขาจะไล่ พอขึ้นแล้วก็เดินไปกินขนมปังสังขยาที่เขาว่าอร่อยๆ ก็อร่อยนะผมเป็นคน ชอบกินขนมก็ว่าอร่อย แต่ไม่ใช่ว่าจะหากินไม่ได้ใน กทม. จริงๆแล้วคุณไปหา กินใน Lotus ยังมีอร่อยกว่านะ (แบบที่อยู่ในห่อมีขนมปัง 5 ลูก แล้วมีสังขยา ใส่ถ้วยไว้ตรงกลางเท่านั้นนะ) แต่การกินที่อัมพวา มันก็ได้อารมณ์ เพราะกินไปเที่ยวไปมันก็อร่อยเป็นทุน เด็กๆหมดแรง ผู้ใหญ่ขาอ่อน... ขากลับเดินทางออกมาตามป้ายก่อนถึงทางหลวงหมายเลข 35 ตามรายทาง จะมีร้านขายปลาทูคอหัก บ้านไหนชอบทำกับข้าวกินเองก็คงจะสนุกเหมือนกัน เพราะว่าราคาถูกเหลือเชื่อ ตลาดหน้าบ้านผมขายขนาดนี้เข่งละ 25 บาท แต่ว่าที่นั่นเขาขายให้มา 12 แข่ง 100 (พิมพ์ไม่ผิด) การเดินทางกลับกรุงเทพ เป็นไปโดยปกติมีลุ้นบ้างตามเส้นทาง เพราะคุณจะได้เจอคนขับรถงี่เง่าเป็นปกติ ก็ขอให้ระมัดระวังกันอย่ามัวแต่เม้าท์แตกหรือง่วงเพราะแดดแยงตาละกัน พลขับของเรา ตังค์ของเขา พลขับเรือชมวิว พี่ปาล์มมี่กับน้องเอ็มเอ็ม แอ็คท่าถ่ายรูปบนสะพาน แดดเปรี้ยง... พี่ปาล์มมี่กับน้องเอ็มเอ็ม แอ็คท่าถ่ายรูปบนสะพาน แดดเปรี้ยง... สองข้างตลิ่ง


สวัสดีครับ,

ก่อนสิ้นปี พ.ศ.2552 ก็เลยมีแผนการมากมายไว้สำหรับปีใหม่ เหมือนทุกปีๆที่ผ่านมา
แผนใหม่ๆที่รวบรวมไว้ระหว่างปี ก็จำมากระจุก idea แล้วก็รวบมาเตรียม
ทำได้บ้างไม่ได้บ้างก็สุดแล้วแต่

การสร้างบล็อกนี้ก็เป็นส่วนหนึ่งของโครงการใหม่ๆเช่นกัน ส่วนจะทำอะไร
ต่อไปนั้นก็คงจะต้องรอดูกันไป เพราะว่า ทำได้บ้างไม่ได้บ้างก็ไม่อยากจะ
โม้ให้มากนัก

ทิม.